Home

 ปารีสที่คุ้นเคย

 โฉมหน้าใหม่ของ
 ปารีส

 สถานที่สำคัญทาง
 ประวิติศาสตร

 สถานที่สำคัญทาง
 ศาสนา

 ปราสาทและ
 พิพิธภัณฑ

 Les Questions


PARIS - DIVERSITÉ

ปารีสที่คุ้นเคย

[ ปารีส พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต I สองฝั่งแม่น้ำแซน I Paris Politique I Paris universitaire I Paris Sportif I Paris où l’on s’amuse I Paris où l’on flâne I La Tour Eiffel I Le Gay Paris I Les beaux quartiers I Les quartiers populaires ]

ปารีส พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต

          ปารีส เป็นเมืองที่ใหญ่และมีความสำคัญที่สุดของฝรั่งเศส แผ่นเลขทะเบียน ( la plaque d’immatriculation ) และรหัสไปรษณีย์ ( le code postal ) คือ 75 กรุงปารีสแบ่งเขตบริหารออกเป็น 20 เขต เขตบริหารนี้ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า
อารงดีสมองต์ (arrondissement) ความสำคัญและความสวยงามของกรุงปารีสเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก ถึงกับมีคำเรียกปารีสว่า พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ( le musée vivant ) หรือนครแห่งความรุ่งโรจน์ ( la cité glorieuse ) คนที่อยู่ปารีสคงจะไม่ปฏิเสธว่าปารีสก็เหมือนเมืองใหญ่อื่นๆ ในโลก คือ เป็นนครที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ( la cité laborieuse ) มีคำกล่าวว่า คนที่อยู่ในปารีสนั้นชีวิตมีแต่ความซ้ำซากจำเจ ต้องใช้เวลามากมายในการเดินทางเพื่อไปทำงานเสร็จนั่งรถกลับบ้าน นอน เช้าวันรุ่งขึ้นก็ออกไปทำงานอีกชีวิตซ้ำซากจำเจ น่าเบื่อหน่าย เป็นสโลแกนที่มีชื่อของ Blaise CENDRAS (Métro Boulot Dodo)

สองฝั่งแม่น้ำแซน

          กรุงปารีสมีแม่น้ำแซน ( la Seine) ไหลผ่านแม่น้ำแซนตรงกลางกรุงปารีสมีเกาะสองเกาะคือ I’île de la Cité และ île de la Saint Louis แม่น้ำแซนแบ่งกรุงปารีสออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งขวาและฝั่งซ้าย ฝั่งขวาของแม่น้ำเป็นย่านเศรษฐกิจและการค้า ฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซนเป็นด้านที่เกี่ยวกับการศึกษาและการบริหาร เป็นย่านของนักศึกษา ศิลปิน

          I’île de la Cité ได้ชื่อว่าเป็น berceau de la capitale เพราะว่าปารีสเริ่มพัฒนาเป็นวงรอบเกาะกลางแม่น้ำแซนแห่งนี้

          สิ่งสวยงามและเก่าแก่ที่สุดนับได้ว่าเป็น monuments ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาของกรุงปารีสที่อยู่ใน île de la Cité คือโบสถ์ Notre-Dame de Paris , la Conciergerie และ le Palais de Justice

          กรุงปารีสนับว่าเป็นเมืองหลวงที่เป็นศูนย์รวมแห่งประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสในช่วง 20 ศตวรรษที่ผ่านมา คนฝรั่งเศสทุกสมัยพยามยามที่จะทำกรุงปารีสให้สวยงาม ปารีสที่ได้รับการดูแลตกแต่งมานานเกือบ 2000 ปี จึงสวยงามสมดังที่พระเจ้า Henri IV กล่าวว่า “Paris vaut bien une messe”

          ปารีสเมืองหลวงที่งดงามและมีคุณค่าในทางประวัติศาสตร์แห่งนี้แบ่งตามความสำคัญดังนี้

Paris Politique

          สถานที่ที่มีความสำคัญทางการเมืองของกรุงปารีส คือ

  • L’Elysée
  • Le Sénat
  • L’Assemblée Nationale

          L’Elysée อยู่มุมถนนโฟบูร์แซงต์ออนอเร่ (la rue du Faubourg - Saint Honoré) และอาเวนูเดอมารินยี (l’avenue de Marigny) พระราชวังแห่งนี้สร้างในปี ค.ศ. 1718 โดยมี Mollet เป็นสถาปนิกเป็นที่พักของ Madame de Pompadour พระสนมคนโปรดของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 หลังจากนั้นก็เป็นที่อยู่อาศัยของคนสำคัญในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสหลายคน เช่น จักรพรรดินโปเลียน
          ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1873 พระราชวังแห่งนี้ใช้เป็นที่อยู่ของประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส

          Le Sénat สภาสูงสุดของฝรั่งเศสอยู่ที่วังลุกซอมบูร ์(le Palais Luxembourg) ซึ่งพระนาง Marie de Médicis โปรดให้สร้างในปี ค.ศ. 1615-1620 โดยมี Solomon de Brosse เป็นสถาปนิก
          วังแห่งนี้สไตล์เดียวกับวังปิตติ (Palais Pitti) ซึ่งพระนาง Marie de Médicis โปรดให้สร้างขึ้นในเมืองฟลอเรนซ์ในอิตาลี วังแห่งนี้ได้ใช้เป็นสภาสูงในปี ค.ศ. 1879 สวนของวังลุกซอมบูร์เป็นสวนสาธารณะใหญ่แห่งย่านกาติเย่ลาแตง (Quartier Latin) ซึ่งเป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยซอร์บอน (Sorbonne)

          L’Assemblée Nationale ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรอยู่ที่วังบูร์บอง (le Palais Bourbon) วังแห่งนี้อยู่ทางฝั่งซ้ายแม่น้ำแซนตรงข้ามกับ Place de Concorde สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1722 โดยสถาปนิกชาวอิตาเลียนที่ชื่อจิราลติน ี(Giraldini) สร้างให้แก่ดัชเชสแห่งบูร์บองปัจจุบันเป็นสภาผู้แทนราษฎร หน้ามุขสไตล์กรีกที่สวยงามที่หันไปสู่แม่น้ำแซนเป็นส่วนที่เพิ่มในสมัยจักรพรรดิที่ 1 (le Premier Empire)

Paris universitaire

          มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ของฝรั่งเศสคือมหาวิทยาลัยซอร์บอน (la Sorbonne) ซึ่งตั้งอยู่ใน le Quartier Latin เขตนี้เลยเป็นศูนย์กลางของชีวิตมหาวิทยาลัยในกรุงปารีส

          Robert de Sorbon Saint Louis เกิดระหว่างปี ค.ศ. 1201-1274 เป็นผู้สร้างวิทยาลัยศาสนศาสตร์เพื่อช่วยเหลือนักศึกษายากจนตั้งชื่อตามสกุลของเขาว่า la Sorbonne มหาวิทยาลัยซอร์บอนสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1253 และปี ค.ศ.1257 มีคณะอักษรศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ปัจจุบันมหาวิทยาลัยใน région parisienne มี 13 แห่งด้วยกัน

Paris Sportif

          คนฝรั่งเศสไม่ชอบเล่นกีฬา ปรากฏว่ามีคนฝรั่งเศสจำนวนมากที่ไม่เคยเล่นกีฬาชนิดใดเลย แต่การที่ไม่เล่นกีฬาไม่ได้หมายความว่าไม่สนใจกีฬา คนฝรั่งเศสเป็นนักดูมากกว่านักเล่นแม้จะไม่ใช่นักกีฬาแต่คนฝรั่งเศสให้ความเอาใจใส่กับสุขภาพและความงามมาก สระว่ายน้ำ โรงยิม อบไอน้ำนี้มักจะได้รับความสนใจจากสมาชิกทั้งชายหญิง

          ปัจจุบันคนฝรั่งเศสให้ความสนใจกีฬามากขึ้น มีสนามกีฬาถึง 80 สนามในกรุงปารีส เช่น สนาม Roland-Garros, Jean-Boun และ Parc des Princes สระว่ายน้ำ 22 สระ โรงยิม 50 แห่ง และยังมีที่เล่นสเก็ตบนน้ำแข็ง (les patinoires) อีก

Paris où l’on s’amuse

          ปารีสเป็นเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ชอบความสนุกอย่างแท้จริงนอกจากจะมีโรงภาพยนตร์ (cinémas) ที่สามารถดูได้ทั้งกลางวันกลางคืนถึง 460 แห่งด้วยกัน แล้วยังมีโรงละคร (théâtres) 50 แห่ง ยังมีที่ทานอาหาร และดูละคร (cafés théâtres) Cabarets, discothèque,dancing และ clubs de jazz

          Music-hall ราคาแพงในย่านดีๆ เช่น ลิโด (Lido) โฟลิแบร์แจร์ (Folies-Bergères) คาซิโนเดอปารี (Casino de Paris) มูแลงรูจ (Moulin-Rouge) อาลลัมบ้า (Alhambra) มักจะเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยอมเสียเงินเพื่อไปดูการแสดงที่สวยงาม และเต็มไปด้วยศิลปะสำหรับการแสดง

          ย่าน Pigalle นั้น อาจจะไม่เหมาะนักสำหรับผู้หญิงและเด็กแต่ก็เป็นย่านที่นักตะลุยราตรีจะพลาดไม่ได้ แม้การแสดงแถว Pigalle เป็นการแสดงที่เรียกได้ว่าไม่สุภาพ หรืออุจาด (les spectacles licencieux)

          นอกจากสิ่งที่สามารถให้ความสนุกสนานในระดับธรรมดาๆ เช่นภาพยนตร์ , cabarets, discothèque , dancing Music-hall แล้วยังมีการแสดงซึ่งกลุ่มคนดูจะจำกัดน้อยลงมา พูดถึงกรุงปารีสคงต้องไม่ลืมที่จะพูดถึงโรงโอเปร่า (Opéra) หรือ (théâtre de l’ opéra) ซึ่งสร้างระหว่างปีค.ศ. 1862 ถึง 1874 โดยมี Charles Garnier เป็นสถาปนิก นอกจากจะเป็นแหล่งที่ผู้มีรสนิยมดีจะต้องไปชมโอเปร่าเมื่อไปถึงยุโรป โรงโอเปร่าของกรุงปารีสยังเป็น monument ที่สวยงามด้วย

Paris où l’on flâne

          Paris où l’on flâne สำหรับผู้ที่ชอบเดินเล่นปารีสเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเดินเล่น (les flaneurs)

          1. ตลาดดอกไม้ (Le Marché aux fleurs) อยู่กลาง I’île de la Cité ตลาดดอกไม้แห่งนี้มีตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์จะเป็นตลาดนก ผู้ชอบเดินเล่นทั้งชาวปารีสและนักท่องเที่ยวมักเลือกตลาดดอกไม้เป็นที่เดินเล่นเสมอ

          2. เขื่อนแม่น้ำแซน (Les quais de la Seine) สะพานข้ามแม่น้ำแซนที่เชื่อมกรุงปารีสฝั่งขวาและฝั่งซ้ายถึง 34 สะพาน สะพานเหล่านี้มีทั้งความสวยงามและความสำคัญในประวัติศาสตร์ เขื่อนทั้งสองข้างของแม่น้ำแซนเป็นที่สงบ ภาพชีวิตบนเขื่อนเช่น คนตกปลา (des pêcheurs à la ligne) นักท่องเที่ยววัยรุ่นนั่งเล่นกีตาร์เป็นกลุ่ม เรือ bateau mouche ที่นำนักทัศนาจรชมตึกรามบ้านช่องที่สวยงามของปารีสริมฝั่งแม่น้ำ เขื่อนแม่น้ำช่วงโบสถ์ Notre-Dame de Paris จะเห็นหนังสือทำด้วยไม้ (boîtes) ของคนขายหนังสือเก่า (Bouguinistes) เรียงรายเป็นแถวผู้สนใจอาจจะใช้เวลาเป็นวันดูหนังสือเก่าที่น่าสนใจราคาไม่แพง

          3. สวนลุกซอมบูร ์(Le Luxembourg ,un parc à la française) สวนแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะใหญ่ (un grand jardin public) ของวังลุกซอมบูร์ อยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซนใน boulevard Saint-Michel ใกล้ๆมหาวิทยาลัยซอร์บอน (la Sorbonne) ย่านที่เรียกว่า quartier latin ในสวนแห่งนี้มีรูปปั้นหุ่นกระบอก สระน้ำ (bassins) น้ำพุ และต้นไม้มากมาย ในฤดูร้อนเด็กจะนำเรือใบเล็กๆ เรือยนต์ เรือที่บังคับด้วยเรดาร์ไปเล่นในสระน้ำ (bassins) ด้วย

          4. ตลาดขายของเก่า (les marchés aux puces) ตลาดขายของเก่าที่ Porte de Clignancourt เป็นที่ที่ผู้ชอบของเก่า ยากจะเดินได้อย่างไม่น่าเบื่อหน่าย

La Tour Eiffel

          หอคอยเอฟเฟล อยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแซน เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีรูปแบบดึงดูดใจนักท่องเที่ยว ใครบ้างที่ไม่รู้จักหอคอยเอฟเฟล เมื่อพูดถึงฝรั่งเศสหอคอยเอฟเฟลจึงเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของกรุงปารีสหรือของประเทศฝรั่งเศส

          หอคอยเอฟเฟลเดิมสูง 306 เมตร เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 18 ใช้เวลาในการก่อสร้างสองปีจึงเสร็จเรียบร้อย หอคอยนี้เปิดในวันที่ 15 พฤษภาคม 1889 ในปีนั้นเองวิศวกรผู้สร้างหอคอย กุสตาฟ เอฟเฟล (Gustave Eiffel) ผู้สูงเพียง 164 เซนติเมตร ยืนเป็นแบบให้ปั้นเพื่อนำไปวางไว้ใต้หอคอย ตอนนั้นกุสตาฟ เอฟเฟล อายุ 57 ปี กุสตาฟ เอฟเฟลสิ้นชีวิตในปี ค.ศ. 1923 ห้าปีหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง อายุ 91 ปี

          เมื่อจะมีการก่อสร้างหอคอยแห่งนี้ ชาวปารีสไม่เห็นด้วยเพราะเกรงว่าจะทำลายความงามของกรุงปารีส

          หอคอยเอฟเฟลมีสามชั้น ผู้ไปเที่ยวปารีสแทบทุกคนจะขึ้นหอคอยเพื่อชมวิวปารีส เราสามารถขึ้นหอคอยโดยบันไดและโดยลิฟต์ บันไดไม่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่สุขภาพไม่ดี เพราะมีถึง 17 หอคอยมีสามชั้น เราจะขึ้นไปชั้นไหนก็ได้ ราคาค่าขึ้นลิฟต์แตกต่างกัน แต่ละชั้นจะมีร้านขายของที่ระลึกและภัตตาคาร ค่าลิฟต์ในตอนกลางคืนจะแพงกว่าตอนกลางวัน เพราะปารีสตอนกลางคืนสวยด้วยแสงไฟ

          นอกจากจะเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกแล้วที่ยอดของหอคอยเอฟเฟลยังใช้เป็นที่ตั้งสถานีวิทยุและโทรทัศน์อีกด้วยเนื่องจากมีเสาโทรทัศน์เพิ่มขึ้น หอคอยสูง 320 เมตร บนยอดหอคอยมีสัญญาณไฟหมุนรอบตัวใช้สำหรับการสื่อสารโทรคมนาคมด้วย วิวกรุงปารีส (la vue de Paris) ที่มองจากหอคอยเอฟเฟลสวยงามมาก โดยเฉพาะตอนกลางคืน ทิวทัศน์กรุงปารีสที่เห็นเด่นคือ น้ำพุโทรกาเดโร (Trocadéro) ตึกที่ทำการยูเนสโก (L’Unesco) และโรงเรียนเสนาธิการทหาร (L’Ecole militaire)

          มีผู้ไปชมหอคอยเอฟเฟลมากมาย ในปี ค.ศ. 1969 มีคนเข้าชมถึง 2560000 คน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มากขึ้นทุกๆปี ปี ค.ศ. 1977 ผู้เข้าชมเพิ่มเกือบสามล้านคน

Le Gai Paris

          คือ ปารีสส่วนที่มีชีวิตชีวาคราคร่ำไปด้วยผู้คนไม่ว่าจะดึกดื่นเพียงใด “Le gai Paris” ที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ Les Champs-Elysées หรือ L’avenue Champs-Elysées เป็นอาเวอนูสายหนึ่งที่มีความสำคัญมากในกรุงปารีส ในปัจจุบันกลายเป็นกึ่งทางเดิน กึ่งถนน (ni promenade ni boulevard) อาเวอนูชองเซลิเซ่อยู่ทางตะวันออกของประตูชัยเอตวล (L’ Arc de Triomphe de l’Etoile) ของเซลิเซ่ เป็นอาเวอนูที่สวยที่สุดในโลก ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ออกแบบโดย le Nôtre ในศตวรรษที่ 17 เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของพวกขุนนาง (résidence de l’aristocratie) ปัจจุบันนี้ตลอดระยะทาง 2 กิโลเมตรนี้มีโรงภาพยนต์ (cinémas) ร้านกาแฟที่มีเทอเรส (café à terrasse) ร้านค้าที่มีตู้โชว์สินค้าสวยงามราคาแพง บริษัทรถยนต์ บริษัทเครื่องบิน ธนาคาร ที่ทำการ Le Lido ซึ่งเป็น le Music - hall ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกก็อยู่ในอาเวอนูที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ คือ ปารีสส่วนที่มีชีวิตชีวาคราคร่ำไปด้วยผู้คนไม่ว่าจะดึกดื่นเพียงใด

Les beaux quartiers

          คือ ย่านที่มีตึกราม บ้านทรงสวย และสง่างามที่สุดของปารีส อาเวอนูชองเซลิเซ่ เป็นทั้ง le gai Paris และ le beau quartier ดังกล่าวแล้วว่าอาเวอนูชองเซลิเซ่ เคยเป็นที่อยู่ของขุนนางศตวรรษที่ 17 ย่านที่สวยงามของปารีสที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ

          1. Le Fauboury Saint-Honoré คือถนนสายหรูหรามาก (le vrai luxe) ของปารีส ถนนสายนี้มีตู้โชว์ของเก่า (les vitrines des antiquaires) ร้านเสื้อ ร้านผมชั้นนำของฝรั่งเศส รวมทั้งสินค้าชั้นนำราคาแพงของฝรั่งเศสทุกชนิด เช่น น้ำหอม เครื่องหนัง เป็นต้น

          2. Chaillot เป็นย่านที่อยู่อาศัยของเศรษฐีชาวต่างชาติที่อยู่ในกรุงปารีส รวมทั้งเป็นย่านที่เป็นที่ตั้งของสถานทูตมากมาย le palais de Chaillot สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1937 โดยสถาปนิกสามคนคือ Carlu Boilearu และ Azéma

          3. Passy เป็นย่านที่มีชื่อเสียงมากในศตรรษที่ 18 พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ประทับที่ Palais de la Muette ที่อยู่ในย่านนี้ ย่านนี้ก็เช่นเดียวกันกับ Chaillot เป็นย่านของผู้ที่มีฐานะดี

          4. Auteuil ได้เป็นส่วนหนึ่งของปารีสในปี ค.ศ. 1860 เป็นย่านที่โปรดปรานของนักเขียนมาหลายศตรรษ นักเขียนที่มีชื่อเสียงที่มีที่พักอยู่ที่ Auteuil คือ Boileau ,Moli่re, la Fontaine

          5. La Champs-de-Mar (เลอชองเดอมาร์) เริ่มจากบริเวณโรงเรียนเสนาธิการทหารมาทางหอคอยเอฟเฟลจนจดแม่น้ำแซน ใช้เป็นที่แสดงนิทรรศการใหญ่ๆ สิ่งก่อสร้างที่ทำให้ผืนดินกว้างนี้สวยงามคือ ตึกสวยสองหลัง คือ โรงเรียนเสนาธิการทหาร (L’Ecole Militaire) และตึกที่ทำการยูเนสโก (L’unesco) โรงเรียนเสนาธิการทหาร (L’Ecole Militaire) สร้างโดยสถาปนิกชื่อ Gabriel อยู่ริมสุดของ Le Champs-de-Mars เพื่อเป็นโรงเรียนนายทหาร (une école de cadets) โรงเรียนแห่งนี้เปิดในปี ค.ศ. 1760 หลังจากใช้เป็นโรงทหาร และทหารอากาศ นโปเลองโบนาปาร์ท (Napoléon Bonaparte) เคยเรียนที่โรงเรียนเสนาธิการแห่งนี้ เข้าเรียนในปี ค.ศ. 1784 เมื่อจบได้รับยศเป็นร้อยโท
          ตึกที่ทำการยูเนสโก (L’Unesco) ตึกที่ทำการองค์การยูเนสโกที่กรุงปารีสออกแบบโดยสถาปนิกสามคนคือ Bernard Zehrfuss ชาวฝรั่งเศส Pier Luigi Nervi ชาวอิตาเลียน และ Marcel Breuer ชาวอเมริกัน ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1955 ถึง 1958 ตึกสมัยใหม่นี้เป็นรูปอาการเป็นเส้นโค้ง 3 เส้น มาผนึกกันตรงกลาง คล้ายรูปอักษร Y เป็นอนุสรณ์แห่งความประสมประสานที่แนบเนียนยิ่งของความคิด รสนิยม และการแสดงออกทางสถาปัตยกรรมศิลป์

Les quartiers populaires

          Les quartiers populaires (ย่านคนจน) ย่านนี้อยู่ทางตะวันออกของปารีส อยู่ในเขตบริหารที่ 13 19 และ 20 เป็นย่านที่มีประชากรอยู่หนาแน่น เป็นผู้ที่มีฐานะยากจนรายได้ต่ำ